Thursday, September 29, 2011

ดึงหน้า

ราคา : 45,000 บาท

การดึงหน้า เป็นวิธีแก้ไขใบหน้าที่หย่อนยานให้เต่งตึงได้อย่างเห็นผลทันตา
และมีวิธีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ผู้ที่เหมาะกับการดึงหน้าได้แก่คนที่เห็น ร่องลึกข้างจมูกและแก้ม เห็นหนังที่คอเริ่มคล้อย และที่หนักหน่อยก็อาจจะกลายเป็นเหนียง เห็นแก้มเริ่มห้อยหรือเห็นคอหลายชั้น
                         
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับสภาพผิวหนัง และโครงสร้างของกล้ามเนื้อ สุขภาพต้องแข็งแรงพอสมควร จึงจะทำการผ่าตัดได้ ควรแจ้งแพทย์ให้ืทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือประวัติการทานยา บางชนิดเป็นประจำ เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผ่าตัด และการสมานของแผลทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้แพทย์จะต้องตรวจร่างกายเพื่อ ดูความแข็งแรงเป็นพื้นฐานก่อนการผ่าตัด ศัลยกรรมใบหน้า


วิธีการผ่าตัด ศัลยกรรมใบหน้า
แพทย์จะเริ่มจากการเปิดแผล เริ่มจัดการกับกล้ามเนื้อต่างๆ ที่มีผลต่อริ้วรอยของใบหน้า เมื่อเรียบร้อยแล้ว แพทย์จึงจะดึง หนังส่วนบนให้ตึง และตัดหนังส่วนเกินที่หย่อนออกไป แล้วเย็บผิวหนังปิดเข้ากับที่ใหม่ด้วยไหมเล็กๆ ให้แข็งแรงอีกที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เมื่อแผลหายสนิทแล้ว มักจะมองไม่ค่อยเห็นชัด เพราะร้อยแผลนั้น แพทย์จะซ่อนเอาไว้อย่างดีในแนวเส้นผม


การดูแลหลังการผ่าตัด
การประคบเย็นที่ใบหน้าช่วยทำให้อาการปวดลดลง รวมทั้งป้องกันอาการบวมที่อาจจะเกิดขึ้นกับการผ่าตัด อาการบวมมักจะหายสนิท ในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะเริ่มเข้าที่ให้เห็นประมาณ 1 เดือนไปแล้ว แพทย์จะนัดถอดไหมในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ การสูบบุหรี่หรืออยู่ท่ามกลางมลภาวะต่างๆ หรือผิวหน้าที่ขาดการบำรุง ก็ทำให้หน้าตาเหี่ยวย่น กลับมาใหม่ได้รวดเร็วเหมือนเดิม


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
1. แผลเป็นอาจเกิดแผลปูดนูน ต้องทำการรักษาต่อไป อาจใช้วิธีฉีดยาละลายแผลปูด การใช้ยาถูนวด หรือตัดแต่งแผลอีกครั้ง
2. เลือดค้างใต้ผิวหนัง หากเกิดขึ้นต้องะบายเลือดที่คั่งค้างออก อาจจะแค่เจาะดูดออก หรือต้องเปิดแผลเข้าไปอีกที
3. หน้าเหี่ยวในบางคน โอกาสนี้เกิดขึ้นน้อยมาก มักจะเป็นชั่วคราว จะหายไปเองในไม่ช้า
4. อาการชาที่หน้า เป็นเรื่องที่พบได้ปกติ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควร ในการฟื้นตัวของเส้นประสาท ที่เลี้ยงผิวหนัง โดยทั่วไปประมาณ 1-2 เดือน จะหายเป็นปกติ

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ดึงหน้าผาก

ราคา : 25,000 บาท

การดึงหน้าผาก เป็นวิธีแก้ไขใบหน้าที่หย่อนยานให้เต่งตึงได้อย่างเห็นผลทันตา
และมีวิธีความปลอดภัยค่อนข้างสู
                         
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับสภาพผิวหนัง และโครงสร้างของกล้ามเนื้อ สุขภาพต้องแข็งแรงพอสมควร จึงจะทำการผ่าตัดได้ ควรแจ้งแพทย์ให้ืทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือประวัติการทานยา บางชนิดเป็นประจำ เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผ่าตัด และการสมานของแผลทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้แพทย์จะต้องตรวจร่างกายเพื่อ ดูความแข็งแรงเป็นพื้นฐานก่อนการผ่าตัด

วิธีการผ่าตัด
แพทย์จะเริ่มจากการเปิดแผล เริ่มจัดการกับกล้ามเนื้อต่างๆ ที่มีผลต่อริ้วรอยของใบหน้า เมื่อเรียบร้อยแล้ว แพทย์จึงจะดึง หนังส่วนบนให้ตึง และตัดหนังส่วนเกินที่หย่อนออกไป แล้วเย็บผิวหนังปิดเข้ากับที่ใหม่ด้วยไหมเล็กๆ ให้แข็งแรงอีกที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เมื่อแผลหายสนิทแล้ว มักจะมองไม่ค่อยเห็นชัด เพราะร้อยแผลนั้น แพทย์จะซ่อนเอาไว้อย่างดีในแนวเส้นผม

การดูแลหลังการผ่าตัด
การประคบเย็นที่ใบหน้าช่วยทำให้อาการปวดลดลง รวมทั้งป้องกันอาการบวมที่อาจจะเกิดขึ้นกับการผ่าตัด อาการบวมมักจะหายสนิท ในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะเริ่มเข้าที่ให้เห็นประมาณ 1 เดือนไปแล้ว แพทย์จะนัดถอดไหมในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ การสูบบุหรี่หรืออยู่ท่ามกลางมลภาวะต่างๆ หรือผิวหน้าที่ขาดการบำรุง ก็ทำให้หน้าตาเหี่ยวย่น กลับมาใหม่ได้รวดเร็วเหมือนเดิม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
1. แผลเป็นอาจเกิดแผลปูดนูน ต้องทำการรักษาต่อไป อาจใช้วิธีฉีดยาละลายแผลปูด การใช้ยาถูนวด หรือตัดแต่งแผลอีกครั้ง
2. เลือดค้างใต้ผิวหนัง หากเกิดขึ้นต้องะบายเลือดที่คั่งค้างออก อาจจะแค่เจาะดูดออก หรือต้องเปิดแผลเข้าไปอีกที
3. หน้าเหี่ยวในบางคน โอกาสนี้เกิดขึ้นน้อยมาก มักจะเป็นชั่วคราว จะหายไปเองในไม่ช้า
4. อาการชาที่หน้า เป็นเรื่องที่พบได้ปกติ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควร ในการฟื้นตัวของเส้นประสาท ที่เลี้ยงผิวหนัง โดยทั่วไปประมาณ 1-2 เดือน จะหายเป็นปกติ

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ดึงคอ (เพิ่มจากดึงหน้า)

ราคา : 20,000 บาท

การดึงคอเป็นการผ่าตัด ที่มีการทำร่วมกับการดึงหน้าแบบสมบูรณ์ (Full Face Lift) แต่ใช้ในคนไข้บางราย ที่มีปัญหาคอหย่อนมากกว่าบริเวณใบหน้า หรือในบางรายที่เคยผ่าตัด ดึงหน้าส่วนบน (Anterior Face Lift) ไป แล้ว และต้องการดึงคอเพิ่ม เป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มนี้ ผลที่ได้จากการดึงคอ ทำให้ริ้วรอยของใบหน้าส่วนล่างลดลง ลดความหย่อนยานของเหนียงคอ ในรายที่มีคอหย่อนยาน มักมีไขมันสะสมใต้คอ โดยทั่วไปมีการผ่าตัด สามารถทำร่วมกับ การดูดไขมันใต้คอ จะทำให้ผลการผ่าตัดดีขึ้นมา
                         
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับสภาพผิวหนัง และโครงสร้างของกล้ามเนื้อ สุขภาพต้องแข็งแรงพอสมควร จึงจะทำการผ่าตัดได้ ควรแจ้งแพทย์ให้ืทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือประวัติการทานยา บางชนิดเป็นประจำ เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผ่าตัด และการสมานของแผลทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้แพทย์จะต้องตรวจร่างกายเพื่อ ดูความแข็งแรงเป็นพื้นฐานก่อนการผ่าตัด

วิธีการผ่าตัด
แพทย์จะทำการผ่าตัดลงที่บริเวณ หน้าหูอ้อมไปด้านหลังหูและภายในท้ายทอย การดึงคอมีการดึง 2 ส่วน คือ ดึงตรงกล้ามเนื้อที่อยู่ชั้นใน และดึงผิวหนังบริเวณคอ การดูดไขมันเพิ่มจะทำการ ดูดผ่านแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัด ไม่มีแผลเป็นเพิ่ม ความต้องการของการดึงของ ความตึงของผิวหนังขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคน ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการผ่าตัด

การดูแลหลังการผ่าตัด
ประคบเย็นที่ใบหน้าและคอ วันละ 4 ครั้ง เพื่อลดอาการบวม ประมาณ 7 - 10 วัน ให้นอนยกศีรษะสูง (หนุนหมอน 2 - 3 ใบ) เพื่อลดอาการบวม ในรายที่วางยาสลบจะมีผ้าตาข่ายที่พันบริเวณใบหน้านั้นปิดไว้เพียง 1 วัน เช้าวันรุ่งขึ้นให้ตัดหรือแกะออก จากนั้นสระผมได้โดยเกาอย่างเบามือ เพื่อล้างคราบเลือดออก ซับแล้วเป่าผมให้แห้ง สามารถสระผมได้ทุกวันตามปกติ หลังจากคลายไหมแล้ว ใช้ "Vitamin E" ทานวดที่แผล เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนแข็ง แพทย์จะถอดไหมในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
หลังทำผ่าตัดบริเวณใบหน้าและติ่งหู จะยังบวมอยู่ประมาณ 4 อาทิตย์ จากนั้นจะหายเป็นปกติ และอาการชาบริเวณใบหน้าและท้ายทอย จะหายไปเองประมาณ 6 เดือน หลังทำผ่าตัดเนื่องจากเส้นประสาทบริเวณใบหน้าถูกกระทบกระเทือน


ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ดึงคิ้ว (แผลเล็ก)

ราคา : 15,000 บาท

การดึงคิ้ว เป็นวิธีการผ่าตัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดึงหน้าผากและการดึงขมับ เมื่อเรามีอายุมากขึ้น คิ้วจะเลื่อนตำแหน่งลงมาใกล้ตามากขึ้น การตกของคิ้วมีผลให้หนังตาทั้ง 2 ข้างหย่อนลงปิดชั้นตา ในคนไข้บางรายที่มีปัญหา เรื่องหางตาตก อาจเกิดจากคิ้วตกร่วมด้วย โดยทั่วไปการตกของคิ้วมักเกิดร่วมกับรอยตีนกาที่ชัดเจน และ รอยย่นหน้าผากที่ชัดเจนขึ้น บางรายการ ผ่าตัด ชั้นตาบนอาจไม่แก้ปัญหาในผู้ป่วยบางราย อาจต้องผ่าตัดยกคิ้ว เพื่อให้ชั้นตาดูดีขึ้น มากกว่าการทำชั้นตาบนอย่างเดียว
                         
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับสภาพผิวหนัง และโครงสร้างของกล้ามเนื้อ สุขภาพต้องแข็งแรงพอสมควร จึงจะทำการผ่าตัดได้ ควรแจ้งแพทย์ให้ืทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือประวัติการทานยา บางชนิดเป็นประจำ เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการผ่าตัด และการสมานของแผลทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้แพทย์จะต้องตรวจร่างกายเพื่อ ดูความแข็งแรงเป็นพื้นฐานก่อนการผ่าตัด


การดูแลหลังการผ่าตัด
ประคบเย็นที่ใบหน้า วันละ 4 ครั้ง เพื่อลดอาการบวม ประมาณ 7 - 10 วัน ให้นอนยกศีรษะสูง เพื่อลดอาการบวม
แผลบริเวณคิ้วจะตัดไหมประมาณ 5 วัน หลังจากคลายไหมแล้ว ใช้ "Vitamin E" ทานวดที่แผล เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนแข็ง


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แผลเป็นอาจเกิดแผลปูดนูน ต้องทำการรักษาต่อไป อาจใช้วิธีฉีดยาละลายแผลปูด การใช้ยาถูนวด หรือตัดแต่งแผลอีกครั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ศัลยกรรมตา :: ทำตาสองชั้น

ราคา : 7,900 บาท ไม่มีแผล สไตล์เกาหลี
ราคา : 8,500 บาท ตัดแต่งหนังตา

การผ่าตัดตกแต่งเปลือกตาหรือทำตาสองชั้น ทำได้ทั้งเปลือกตาบนและล่าง วัตถุประสงค์ของการผ่าตัด เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน และดึงผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึง ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลง แต่ไม่สามารถ ลดริ้วรอยที่หางตา และรอยดำรอบดวงตาได้ การผ่าตัดกินระยะเวลาประมาณ 30 ถึง 50 นาที และถอดไหม ได้ประมาณ 3 ถึง 5 วันหลังการผ่าตัด ศัลยกรรมตา หรือตกแต่งเปลือกตา สามารถทำควบคู่ไปกับ ศัลยกรรมใบหน้า แบบอื่น ภายในการผ่าตัดครั้งเดียวกันได้ เหมาะอย่างยิ่งกับคนไข้ ที่รู้ความต้องการ ของตัวเอง ทั้งชาย และหญิงที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาหนังตาตก หรือมีถุงใต้ตา หรือในคนไข้อายุประมาณ 20 ถึง 30 ปีที่มีปัญหาทางพันธุกรรม
             
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
 โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
 งดแอสไพริน (aspirin) ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 1 อาทิตย์ และหลังผ่าตัด 1 อาทิตย

วิธีการผ่าตัด
แพทย์จะทำแนวเส้นผ่าตัดที่เปลือกตาบน หลังจากกำจัดไขมันส่วนเกินแล้ว เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้อจะถูกดึงให้ตึง หนังตาส่วนเกิน จะถูกตัดออก และเปลือกตาตามแนวเส้นผ่าตัดจึงจะถูกเย็บเข้าหากัน วิธีการนี้จะซ่อนแนวเส้นผ่าตัด ให้อยู่ในรอยพับตามธรรมชาติ ของเปลือกตาบน ทำให้สังเกตเห็นได้ยาก ขณะทำการผ่าตัด จะมีการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ร่วมด้วยเพื่อห้ามเลือด

การดูแลหลังการผ่าตัด
คนไข้ควรนอนยกศีรษะ ให้อยู่สูงกว่าลำตัวประมาณ 2 ถึง 3 วัน และประคบตาด้วยถุงน้ำแข็ง ที่ไม่หนักมากจนเกินไป เพื่อช่วยลด และบรรเทาอาการบวมหรือช้ำที่สามารถเกิดขึ้นได้ อาการบวมช้ำนี้จะเห็นได้ชัดเจน ในช่วงอาทิตย์แรกหลังผ่าตัด และจะค่อยบรรเทาลง ภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือน แพทย์จะสอนวิธีการทำความสะอาดดวงตา แนะนำให้ใช้ยาหยอดตา เพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง และแสบหรือคันตา รวมไปถึงการใช้ครีมหล่อลื่นทาดวงตา นอกจากนี้คนไข้อาจจะมีอาการน้ำตาไหลมาก ตาไวต่อแสง และสายตาพร่ามัวชั่วคราว ในช่วง 2 ถึง 3 อาทิตย์แรกหลังผ่าตัด อาการปวดแผลอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นคนไข้จะต้อง แจ้งศัลยแพทย์ ผู้ทำการผ่าตัดทันทีหากพบอาการดังกล่าว ศัลยแพทย์จะติดตามผลอย่างใกล้ชิด ทั้งก่อนและหลังถอดไหมในช่วง 2 วันถึง 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด

ระยะเวลาพักฟื้น
รอยแผลจากการเย็บอาจจะมีสีแดง และบวมนูนในช่วงแรก และจะเริ่มเรียบเนียนกลมกลืน ไปกับผิวรอบข้าง เมื่อบาดแผลเริ่มประสานกันดีแล้ว อาการอื่นที่อาจจะพบร่วมด้วย ได้แก่ อาการตาบวมช้ำและซีด ซึ่งจะค่อยๆหายไปเองภายใน 7 ถึง 10 วันหลังการผ่าตัด ความรุนแรง และระยะเวลาของการเกิดผลข้างเคียง จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีการผ่าตัดอีกชนิดร่วมด้วย คนไข้จะได้รับอนุญาตให้ใชเครื่องสำอาง เพื่อปกปิดรอยแผลที่ยังไม่หายดี ได้ตั้งแต่ช่วงอาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด ส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 ถึง 2 อาทิตย์ก็กลับไปทำงานได้ตามปกติ

การดูแลบาดแผล
ในช่วงอาทิตย์แรกคนไข้ควรหลีกเลี่ยง กิจกรรมทุกอย่างที่ต้องใช้สายตา เช่น การอ่านหนังสือ ดูทีวี ใช้คอมพิวเตอร์ และ การใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากจะทำให้ตาแห้งได้ พยายามอย่ากะพริบตาถี่ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการตาบวม ภายใน 2 ถึง 3 อาทิตย์แรกหลังผ่าตัด คนไข้ต้องสวมแว่นกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันแสงแดดและลม ภายใน 3 ถึง 4 อาทิตย์แรกหลังผ่าตัด คนไข้ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะมีผลต่อ การเพิ่มความดันในดวงตา ได้แก่ การเล่นกีฬาทุกประเภท การก้ม การยกของหนัก และการร้องไห้ หลีกเลี่ยงการดื่มของมึนเมา เนื่องจากจะมีผลทำให้แผลหายช้า และพักผ่อนให้เพียงพอ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
คนไข้เป็นส่วนน้อย ที่สามารถพบอาการแทรกซ้อน ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรง หลังการผ่าตัด อาการเหล่านี้ได้แก่ เลือดออก ติดเชื้อ สายตาพร่ามัวช่วง 2 ถึง 3 วันแรกหลังผ่าตัด มีอาการบวมที่หัวและหางตา แผลประสานกันไม่สนิท ทำให้เกิดเป็นแผลเป็น หลับตาไม่สนิท น้อยรายที่อาการนี้ จะอยู่อย่างถาวร นอกจากนี้คนไข้อาจจะพบ ผิวหนังหัวสีขาวเล็กมากนูนขึ้นมา ภายหลังจากถอดไหมออกแล้ว แพทย์จะทำการสะกิดหัวออก โดยใช้ปลายเข็มเขี่ย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่คนไข้จะต้องปรึกษา เรื่องภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น กับศัลยแพทย์ก่อนผ่าตัด อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนต่างๆ สามารถลดลงได้ จากความชำนาญของศัลยแพทย์ ผู้ทำการผ่าตัด

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ตัดถุงไขมันใต้ตา

ราคา : 8,500 บาท

ถุงไขมันใต้ตา เป็นก้อนไขมันที่อยู่บริเวณเปลือกตาล่าง  เกิดจากการสะสมของไขมัน ที่มีตามปกติ บริเวณใต้ลูกตา มักจะเกิดร่วมกับ ภาวะกล้ามเนื้อและเปลือกตาล่างอ่อนกำลัง  ในผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น หรือบางคนก็พบได้ก่อนวัยอันควร ทำให้เกิดอาการบวมมาก ในตอนเช้า  หรือคล้ายกับคนที่มี อาการเศร้าหมอง อยู่ตลอดเวลาทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย  ปัญหาเหล่านี้สามารถผ่าตัด แก้ไขได้ และทำให้เปลือกตาล่าง มีลักษณะแบนเรียบ และตึงขึ้นได้โดยศัลยแพทย์ตกแต่งผู้ชำนาญ  เป็นการผ่าตัด ที่ทำได้ง่าย ได้ผลดีและใช้เวลาไม่มาก ไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล
             
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
โปรดแจ้งประวัติการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบัน โรคประจำตัว ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ไม่ต้องอดอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ไม่อิ่มเกินไป งดแอสไพริน ไอบิวโพรเฟน และวิตามินอี ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด งดสูบบุหรี่ก่อน-หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์ ควรนำแว่นตากันแดด หรือแว่นสายตาไปด้วยในกรณีที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ เพื่อใช้อำพรางดวงตาหลังการผ่าตัด และช่วยป้องกันฝุ่นด้วย

วิธีการผ่าตัด
1.แพทย์จะให้ยานอนหลับอ่อนๆ ร่วมกับการใช้ยาชาเฉพาะที่
2.แพทย์จะกรีดตาที่บริเวณใต้ขนตาเพื่อซ่อนรอยผ่าตัดให้เห็นน้อยที่สุด
3.ตัดเลาะไขมันส่วนเกินออกตามส่วนต่างๆ ที่นูนให้เรียบ
4.ตัดเก็บกล้ามเนื้อและผิวหนังเปลือกตาล่างที่หย่อนให้ตึงและเย็บแผลด้วยไหมเส้นเล็ก ซึ่งจะทำให้ไม่เห็นรอยแผลเป็น

การดูแลหลังการผ่าตัด
ควรนอนหัวสูงในช่วง 2-3 วันแรกและประคบตาด้วยความเย็นบ่อยๆ ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด และใส่ขี้ผึ้งเคลือบแผลผ่าตัด โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะหายสนิทและสามารถแต่งหน้าและทาตาได้ ตาล่างที่ทำใหม่จะดูสวยงาม และยุบบวม จนหายสนิท ในเวลาประมาณ 1-3 เดือน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
 แผลผ่าตัดมีเลือดออกทำให้เกิดรอยช้ำรอบดวงตาซึ่งมักหายเองได้
 หลับตาไม่สนิท ซึ่งเกิดจากการตัดหนังใต้ตามากเกินไป

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ศัลยกรรมจมูก :: เสริมจมูก

ราคา : 6,900 บาท (มาตรฐาน)
ราคา : 12,000 บาท (USA , เกาหลี)

เสริมจมูก เป็นการตกแต่งโครงสร้างของจมูก ให้มีรูปร่างที่สวยงาม สูงขึ้น และรับกับใบหน้า หรือศัลยกรรมจมูกเพื่อให้โหงวเฮ้งดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีโครงสร้างจมูกแบน และต้องการเสริมจมูกในแนวกลางจมูก วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ กระดูกหรือกระดูกอ่อน จากร่างกายของผู้เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะใช้เสริมจมูกคนไข้ ที่มีจมูกผิดรูปจากอุบัติเหตุ หรือแต่กำเนิด แบบที่สองคือ วัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาเอง (ซิลิโคน) ซึ่งเหมาะสำหรับการผ่าตัดเพื่อความงาม เนื่องจากเป็นวัสดุ ุที่ใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น ที่ได้รับการรับรองแล้วว่าไม่มีอันตรายต่อร่างกาย
                 
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด เสริมจมูก
 โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้าหากคนไข้เคยผ่านการผ่าตัดตกแต่งจมูกมาก่อน
 โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
 งดแอสไพริน (aspirin) ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 งดอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง แต่ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ
 งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 1 อาทิตย์ และหลังผ่าตัด 1 อาทิตย์
 ทำการนัดหมายกับศัลยแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษา เป็นการส่วนตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อให้คนไข้ เข้าใจถึงวิธีการ ผลลัพธ์ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หลังผ่าตัด

วิธีการผ่าตัด เสริมจมูก
วัสดุที่ใช้ในการผ่าตัดเสริมจมูก หรือเสริมดั้งส่วนใหญ่ เป็นซิลิโคนชนิดแข็ง สำหรับใช้ในทางการแพทย์ ขั้นแรกศัลยแพทย์ จะทำแนวเส้นผ่าตัด ที่ด้านในของโพรงจมูก บริเวณปีกจมูก เพื่อสร้างช่องว่าง ที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูก แล้วจึงนำแท่งซิลิโคนที่ได้ตกแต่ง และทำให้ได้รูปร่าง ตามที่กำหนดไว้แล้ว สอดเข้าไป หลังจากนั้นจึงเย็บปิดบาดแผล และคลุมสันจมูกด้วยพลาสเตอร์หลายๆ ชั้นหรือเฝือกอ่อน เพื่อพยุงรูปทรงของจมูกใหม่ ไว้ในระหว่างพักฟื้น ข้อดีของการทำแนวเส้นผ่าตัด ไว้ข้างในโพรงจมูกแบบนี้ จะทำให้มองไม่เห็นบาดแผล เนื่องจากถูกซ่อนไว้

การดูแลหลังการผ่าตัด เสริมจมูก
การประคบเย็นที่ใบหน้าช่วยทำให้อาการปวดลดลง รวมทั้งป้องกันอาการบวมที่อาจจะเกิดขึ้นกับการผ่าตัด อาการบวมมักจะหายสนิท ในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะเริ่มเข้าที่ให้เห็นประมาณ 1 เดือนไปแล้ว แพทย์จะนัดถอดไหมในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ การสูบบุหรี่หรืออยู่ท่ามกลางมลภาวะต่างๆ หรือผิวหน้าที่ขาดการบำรุง ก็ทำให้หน้าตาเหี่ยวย่น กลับมาใหม่ได้รวดเร็วเหมือนเดิม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
 จมูกที่เสริมไว้เอียง ถ้าตรวจพบในระยะ 1-2 สัปดาห์ แพทย์อาจแก้ไขได้โดยการดัดให้เข้าที่ได้ แต่หากมาเกิดภายหลัง โดยเกิจจากการชนหรือกระแทก มักจะต้องทำการผ่าตัดใหม่
 จมูกอักเสบ อาจเกิจจากการติดเชื้อบริเวณที่ทำการผ่าตัด การอักเสบบริเวณผิวหนังใกล้เคียง การเสริมจมูกโด่งเกินไป ทำให้เกินการแดงที่ปลายจมูกและเกิดการอักเสบตามมา

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ลดโหนกแก้ม

ราคา : 35,000 บาท (เป็นน้อย กรอกระดูกขัดมุม)
ราคา : 60,000 บาท (เป็นมาก ย้ายกระดูกจมเข้าด้านใน)

โหนกแก้มเป็นโครงสร้างที่สำคัญของใบหน้าส่วนกลาง ซึ่งเป็นอีกตำแหน่งหนึ่ง ที่บ่งบอกลักษณะของเพศชาย และเพศหญิง โดยเพศชายจะมีโหนกแก้มสูง และเห็นกระดูกชัดเจน ไขมันที่แก้มมีน้อย แพทย์จะทำการลด ความสูงของกระดูก โดยวิธีการกรอ ซึ่งจะลดความสูงได้ไม่มาก ในกรณีที่มีกระดูกสูงมากต้องใช้วิธีการตัดกระดูก การกรอ หรือตัดโหนกแก้ม จะเปิดแผลในปากหรือใต้ตา ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็น และใช้ไหมละลาย ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
                         
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดลดโหนกแก้ม
โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า งดแอสไพริน ไอบิวโพรเฟนและวิตามินอี ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์ และหลังผ่าตัด 4 สัปดาห์


วิธีการผ่าตัด
1. การกรอกระดูก เป็นการทำศัลยกรรมที่ไม่ยุ่งยาก โอกาสมีปัญหาน้อย แต่เนื่องจากกระดูกโหนกแก้มจะมีความหนาไม่มาก ไม่เกิน ครึ่งเซนติเมตร การกรอจะลดขนาดได้น้อยมาก ถ้ากรอลึกกว่าความหนากระดูกจะเข้าโพรงไซนัส ดังนั้นผลสุดท้ายแทบไม่ได้เห็นมีความแตกต่างระหว่างก่อนทำและหลังทำ ยกเว้นในรายที่กระดูกโตจากเนื้องอกของกระดูกโหนกแก้มซึ่งจะมีความหนามาก หมอจะใช้วิธีการกรอซึ่งจะได้ผลในการลดขนาดค่ะ

2. การตัดกระดูกโหนกแก้มและเลื่อน เป็นการผ่าตัดที่ใหญ่"มาก" และซับซ้อน ก่อนทำจำเป็นต้องมีการตรวจกระดูกใบหน้าด้วยการ x-ray แล้ววัดค่าความยาว ความกว้าง มุมต่างๆ วางแผนโดยละเอียด รวมถึงในระหว่างทำศัลยกรรมด้วย


การดูแลหลังการผ่าตัดลดโหนกแก้ม
คนไข้ควรนอนยกศีรษะให้อยู่สูงกว่าลำตัว และประคบโหนกแก้มด้วยถุงน้ำแข็งใน ช่วง 24 ถึง 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด งดรับประทานอาหารอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนต่อบาดแผลและติดเชื้อ คนไข้จะต้องบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ที่แพทย์จัดให้อย่างสม่ำเสมอ และล้างปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร ด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพื่อฆ่า เชื้อโรคในช่วงที่ไหมเย็บยังละลายไม่หมด งดกิจกรรมทุกประเภท ที่จะมีผลต่อการเพิ่มความดันเลือด เช่น การวิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การก้มตัว ไหมเย็บจะละลายหมดไปภายในระยะเวลา 7 ถึง 10 วันหลังผ่าตัด

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงที่คนไข้สามารถพบ ได้แก่ เกิดอาการบวมช้ำและรู้สึกชาบริเวณโหนกแก้ม ซึ่งจะค่อยๆ บรรเทาลงภายใน 1 ถึง 2 เดือน อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาลงได้ ด้วยการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง นอกจากนี้คนไข้จะประสบปัญหา เคี้ยวอาหารได้ลำบากในช่วง 2 ถึง 3 วันแรกหลังผ่าตัด ความรุนแรงและระยะเวลาของการเกิดผลข้างเคียง จะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการผ่าตัดอีกชนิดร่วมด้วย


ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ศัลยกรรมเกาหลี :: ตัดกราม สไตล์เกาหลี (ในช่องปาก)

ราคา : 45,000 บาท

ปัญหาของรูปหน้าที่เป็นเหลี่ยม ใบหน้าบานกว้าง โหนกแก้มสูง หรือมุมขากรรไกรยื่น ดูแล้วไม่เรียวงาม ถือเป็นเรื่อง น่าหนักใจ เพราะเป็นลักษณะใบหน้า ที่ดูบึกบึนไม่อ่อนโยน น่ามองแต่ทั้งนี้ใช่ว่า จะเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข เพราะ เทคนิคของการศัลยกรรม ตัดกราม สามารถช่วยได้นั่นเองโดยใช้ การผ่าตัด ทั้งแบบ ผ่าตัดลดโหนกแก้ม ตัดแต่งมุมกราม ยึดกระดูกคาง เป็นต้น ทั้งนี้วิธีการผ่าตัดที่ใช้ จำเป็นต้องทำการพิจารณาเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสม ของโครงหน้า แต่ละบุคคล และ ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

การตัดกราม ให้เล็กลงก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ใบหน้าเปลี่ยนรูปทรงใหม่ได้ โดยจะทำให้หน้าดูแคบเรียว และอ่อนโยนขึ้น การตัดกรามให้เล็กลง สามารถทำได้ทั้งจากภายนอกช่องปากและภายในช่องปาก การตัดแต่งมุมกรามนี้ก็ไม่ใช่การเลื่อนกราม และไม่ต้องมีการจัดฟันร่วมด้วย โดยการตัดแต่งมุมกรามนี้ ถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างง่ายไม่ซับซ้อน ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานนัก และได้ผลดี โครงสร้างของใบหน้าส่วนล่าง ที่ทำให้ดูหน้ากว้าง ประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ 2 ส่วน คือ ส่วนมุมของกระดูก ขากรรไกรล่างยื่นออก และกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวอาหาร ที่เกาะบนส่วนมุมนั้น หนาตัวกว่าปกติ (สังเกตได้จากเวลาเรากัดฟัน แล้วมัดกล้ามเนื้อข้างแก้มนูนขึ้น) ส่วนอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อความกว้าง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดนี้ ได้แก่ ไขมันแก้ม, ต่อมน้ำลายบนแก้มโต เช่นที่พบในผู้ที่กินเหล้าจัด เป็นต้น ส่วนใหญ่แพทย์จะตัดแต่งเฉพาะ ส่วนที่เป็นกระดูกยื่นเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ตัดส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ และที่สำคัญก็คือ มีรายงานว่า เมื่อตัดแต่งกระดูกที่ยื่นออกไปแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อที่เกาะอยู่หดตัวเล็กลงได้เอง
             
การเตรียมตัวก่อนการผ่า ตัดกราม
 งดยาต้านการ อักเสบ เช่นแอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
 สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดกราม ประมาณ 3 - 5 วัน
 งดอาหาร งดน้ำ 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
 เตรียมลาหยุดงานประมาณ 10 - 14 วัน เนื่องจากการบวมจะดีขึ้นใน 1 อาทิตย์
 ก่อนผ่าตัดควรปรึกษาแพทย์ถึง ปริมาณและขนาดของขากรรไกรที่ต้องการตัด
 ถ้ามีโรคประจำตัว แจ้งให้แพทย์ทราบ

วิธีการผ่าตัดกราม
ก่อนการผ่าตัด แพทย์จะต้องตรวจดูกระดูกขากรรไกร รวมทั้งแพทย์ ต้องตรวจ ภาพเอกซเรย์ ด้วยเพื่อประเมินว่า เมื่อตัดแต่งแล้วจะได้รูปทรงอย่างไร โดยขั้นตอนการผ่าตัดกราม จะใช้ยาสลบ ร่วมด้วย เพื่อไม่ให้คนไข้รู้สึกตัว หรือ เจ็บขณะผ่าตัด ซึ่งวิธีการผ่าตัดคือ ผ่าตัดภายในปาก โดยซ่อนแผล ไว้ บริเวณ ซอกเหงือก ด้านหลังฟันซี่สุดท้ายในปาก ต้องใช้ความชำนาญมาก โดยเครื่องมือพิเศษ ที่สามารถเลื่อยกระดูกที่ต้องการ ตัดแต่งได้ในซอกแคบๆ แต่ในมือของแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากและ เป็นวิธีที่ง่ายปลอดภัย และไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเส้นประสาท ที่เลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปากการผ่าตัด ภาย ในช่องปาก จะผ่าตัดโดยผ่าน ซอกเหงือกด้านหลังบริเวณฟันกราม ไปที่มุมกระดูกขากรรไกร และตัดแต่งตามต้องการ สามารถตัดแต่งได้ตลอดกระดูกขากรรไกร เนื่องจากสามารถ เปิด แผล ได้ยาวกว่าโดยไม่ต้องคำนึงถึงแผลเป็น จึงทำให้ได้กระดูกกรามที่โค้งเนียนขึ้น

การดูแลหลังการผ่าตัดกราม
 หลังการผ่าตัดใบหน้า จะบวมประมาณ 3 อาทิตย์ ควรนอนพักผ่อนอยู่โรงพยาบาล 2 - 3 วัน เพื่อจะได้ดูแลทำความสะอาดช่องปากได้เต็มที่
 ควรงดอาหารในวันแรกหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันเศษอาหารรบกวนแผล
 ระยะแรกไม่ควรทานอาหารแข็ง ควรรับประทานนม น้ำผลไม้ และอาหารอ่อนจนถึงอาหารปกติในที่สุด
 ให้พยายามอ้าปากบ่อย ๆ เพื่อเป็นการขยับข้อต่อขากรรไกร ป้องกันไม่ให้ข้อต่อเกิดอาการฝืดและเพื่อป้องกันกรามยึด
 ใช้นำ้เย็นประคบที่บริเวณแก้มประมาณ 7 วัน
 แผลในปากมักเย็บด้วยไหมละลาย จึงไม่ต้องตัดไหม
 บ้วนน้ำสะอาดบ่อยๆ ช่วยให้คราบเลือดที่แผลหลุดออก
 สายระบายน้ำเหลืองมักใส่ไว้ประมาณ 1 - 2 วัน
 หลังผ่าตัดอาจมีอาการเขียวช้ำบริเวณคอและใต้คาง ในวันที่ 7 หลังผ่าตัดอาจใช้น้ำอุ่นประคบเพื่อลดอาการเขียวช้ำได้
 จะเข้าที่ภายใน 2 - 3 อาทิตย์ แต่ยังมีอาการบวมที่มุมกรามเป็นเวลา 1 - 2 เดือน
 ถ้าเป็นการผ่าตัดภายในช่องปาก จะต้องฝึกอ้าปาก เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดรอบๆ กราม และใกล้กับข้อขากรรไกร

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การผ่าตัดกราม มีผลข้างเคียงนอกจากที่กล่าวไปแล้วน้อยมาก เช่น การติดเชื้อบริเวณ แผล ผ่าตัด หรืออาการบวมมากผิดปกติ ซึ่งก็มีวิธีการรักษาเฉพาะกรณีไป

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ศัลยกรรมคาง :: เสริมคาง

ราคา : 12,000 บาท

การผ่าตัดเสริมคาง เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาคางเล็ก หรือคางหลุบเข้าไปข้างในทำให้โครงหน้าผิดรูปไม่สวยงาม ศัลยแพทย์จะใส่ ซิลิโคนทางการแพทย์ ที่เตรียมรูปทรงให้รับกับใบหน้าไว้แล้ว ที่บริเวณคางของคนไข้ ในกรณีที่คนไข้ มีปัญหากระดูกขากรรไกรบน หรือล่างเล็กผิดปกติ หรือฟันกรามบน และล่างขบกันไม่สนิท ศัลยแพทย์จะแนะนำ ให้ทำศัลยกรรม ลดมุมขากรรไกรแทน อย่างไรก็ตาม จะต้องปรึกษาศัลยแพทย์อย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข
             
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
 โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
 งดแอสไพริน (aspirin) ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 1 อาทิตย์ และหลังผ่าตัด 1 อาทิตย์

วิธีการผ่าตัด
ศัลยแพทย์จะทำแนวเส้นผ่าตัดภายในช่องปากระหว่างริมฝีปาก กับเหงือกด้านล่างเพื่อเปิดเป็นช่องสำหรับซิลิโคนที่บริเวณคาง การผ่าตัดเสริมคางสามารถ ทำควบคู่ไปกับการดูดไขมัน ซึ่งจะทำให้ปัญหาคางบุ๋มหมดไป ข้อดีของการทำแนวเส้นผ่าตัดภายในช่องปาก คือจะมองไม่เห็นบาดแผลเมื่อหายแล้ว เนื่องจากถูกซ่อนอยู่ภายในช่องปาก

การดูแลหลังการผ่าตัด
ศัลยแพทย์จะแนะนำวิธีทำความสะอาดบาดแผล ภายในช่องปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ คนไข้จะต้องรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย และหลีกเลี่ยงการขยับปาก ในช่วงแรกหลังผ่าตัด งดกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดการกระทบกระเทือน ต่อบาดแผล เช่น การวิ่ง งานบ้าน การมีเพศสัมพันธ์ ภายในช่วง 2 ถึง 3 อาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด คนไข้สามารถกลับมา ประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ หลังผ่าตัดแล้วประมาณ 10 วัน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
คนไข้ส่วนใหญ่จะรู้สึกตึงที่บริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งอาการนี้จะค่อยๆหายไปเองหลังผ่าตัด 1 อาทิตย์ ความรุนแรงและระยะเวลา ของการเกิดผลข้างเคียง จะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีการผ่าตัดอีกชนิดร่วม

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

แก้ไขหูกาง

ราคา : ข้างละ 8,000 บาท

หูกาง เป็นความผิดปกติของใบหูที่มีมุมจากศีรษะกว้างกว่าปกติ ทำให้มีรูปร่างใบหูไม่สวยงาม การศัลยกรรมสามารถแก้ไขลักษณะหูกางผิดปกติได้ โดยการเปิดตามแนวหลังใบหู เพื่อปรับแต่งเย็บกระดูกอ่อนของใบหู หรือโดยการตัดบางส่วนของหูที่เป็นปัญหา เพื่อให้ได้รูปร่างที่ต้องการ
                                 
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
 ไม่ต้องงด อาหารและน้ำ
 ควรงดยา แอสไพริน หรือยากลุ่มแก้ปวดกล้ามเนื้อประมาณ 10 วันก่อนผ่าตัด
 สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัด ประมาณ 3 - 5 วัน
 เตรียมผ้าคาด ศีรษะไว้สำหรับหลังผ่าตัด
 เตรียมลาหยุด ประมาณ 1 - 2 วัน
 ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน, ซัลฟา ฯลฯ
 มีคนมาเป็นเพื่อน เพื่อช่วยดูแลขณะกลับบ้าน

วิธีการผ่าตัด
แพทย์จะฉีดยาชา และเปิดแผลที่หลังหู และทำการตกแต่งกระดูกอ่อนใบหู เย็บให้เข้ารูป และเย็บปิดแผลที่ ผิวหนัง การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

การดูแลหลังการผ่าตัด
 ปิดแผลไว้ประมาณ 2 วัน ในวันที่ 2 หรือ 3 แพทย์จะนัดทำแผล
 หลังจากเช็ดแผลแล้วให้ทายาแก้อักเสบที่แผลทั้ง 2 ข้าง วันละ 1 ครั้ง
 ถ้ามีปัญหาเลือดออกมาก หรือบวมมากให้มาพบแพทย์ก่อนเวลานัดได้
 ใช้ผ้าคาดศีรษะให้ใบหูแนบกับศีรษะ 2 - 3 อาทิตย์
 แพทย์จะนัดตรวจ ประมาณ 1 อาทิตย์
 ตัดไหม ประมาณ 2 อาทิตย์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ความรุนแรงและระยะเวลาของการเกิดผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการผ่าตัดอีกชนิดร่วม

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com

ศัลยกรรมทรวงอก :: เสริมหน้าอก , เสริมนม

ราคา : 55,000 บาท
ราคา : 60,000 บาท (ผลิตภัณฑ์จาก USA)

การเสริมหน้าอก คือสิ่งที่ปรารถนาของสตรี นอกจากใบหน้าที่งดงาม มีเสน่ห์แล้ว เรือนร่างที่ได้รูปสวยงาม ก็เป็นที่ใฝ่ฝันของสตรี เกือบทุกคน แม้แต่ผู้ใกล้ชิด ก็ปรารถนาเช่นกัน ส่วนหนึ่งของเรือนร่าง ที่สวยงาม ชวนมองที่สุด ได้แก่ ทรวงอกที่งดงาม ได้รูป ไม่หย่อนคล้อย ขนาดเหมาะ แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ให้ความงามแก่สตรีครบทุกส่วน บางรายจึงอาจมี ทรวงอกที่ไม่เป็นที่พึงพอใจในตัวเอง ต่างกับผู้ที่ ธรรมชาติให้ความงาม มาครบถ้วน เป็นที่ต้องตาต้องใจแก่เจ้าของ และผู้พบเห็น
                         
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอก
 โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
 งดแอสไพริน (aspirin) ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) และวิตามินอี ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
 งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ และหลังผ่าตัด 4 อาทิตย์

วิธีการผ่าตัด
ตำแหน่งที่ศัลยแพทย์จะทำเส้นแนวผ่าตัดมีอยู่ 3 ที่ด้วยกันคือรอบปานนมบริเวณที่เป็นสีชมพูเข้ม บริเวณรักแร้ หรือใต้ราวนม เมื่อทำแนวเส้นผ่าตัดแล้วศัลยแพทย์จะเปิดช่องภายในหน้าอกเพื่อวางถุงซิลิโคน ช่องนี้จะอยู่เหนือ หรือใต้ชั้นกล้ามเนื้อ ขึ้นอยู่กับ การพิจารณาร่วมกัน ระหว่างศัลยแพทย์กับผู้ป่วย ขณะปรึกษาก่อนผ่าตัด ส่วนความยาวของแนวเส้นผ่าตัด ที่จะถูกทำขึ้นมา ขึ้นอยู่กับขนาด ของถุงซิลิโคนที่จะถูกใส่เข้าไป ในช่วง 2 วันแรกหลังผ่าตัด คนไข้จะต้องพันผ้าพันแผลไว้รอบหน้าอก เพื่อป้องกัน การกระทบกระเทือนของทรวงอก และบรรเทาอาการเจ็บปวด

การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมนม
ภายหลังจากถอดผ้าพันแผลที่หน้าอกแล้ว คนไข้จะต้องสวมยกทรงเฉพาะแบบ เพื่อช่วยประคองหน้าอกให้ได้รูปทรง คนไข้สามารถเริ่มทำกิจวัตรประจำวัน หรือออกกำลังเบาๆได้หลังจากเดือนแรกหลังผ่าตัด หรือเมื่อคนไข้เริ่มหมดอาการเจ็บปวดไปแล้ว

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
คนไข้อาจจะรู้สึกชาเป็นจุดๆ บริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 6 อาทิตย์ถึง 6 เดือนอาการจึงจะทุเลาลง ความรุนแรง และระยะเวลาของการเกิดผลข้างเคียง จะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการผ่าตัดอีกชนิดร่วม

ข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถติดต่อ ฝ่ายการตลาดภาษาไทยได้ที่ : osias05@hotmail.com;  หรือโทรศัพท์มือถือ: 0869803680 (DTAC), 0812552755 (AIS),  Tel: (02) 753-9206, หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:www.jutasurgery.com